จากการเข้าร่วมงานเสวนาเรื่อง Tourism Trends: Slow Travel ที่จัดขึ้นในงาน Regional Research Expo 2016 เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2559 ณ มหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานีที่ผ่านมา มีประเด็นน่าสนใจดังต่อไปนี้
1) Slow Travel หรือ Slow Tourism เริ่มต้นมาตั้งแต่ปี 1970 มีต้นกำเนิดมาจากทวีปยุโรป และยังคงได้รับความนิยม อาทิ อิตาลี อังกฤษ เยอรมัน โดยเริ่มต้นจากกระแสการต่อต้านวัฒนธรรมเร่งด่วน (Speed Culture) อันได้แก่ การต่อต้านกระแสอาหารจานด่วน หรือที่เราคุ้นเคยกันดีในชื่อของ Fast Food นั่นเอง ดังนั้น Slow food จึงเป็นจุดกำเนิดของ Slow travel
2)ลักษณะของการท่องเที่ยวแบบ Slow Travel สามารถสรุปง่ายๆ คือ การท่องเที่ยวที่ไม่มีกรอบระยะเวลามาจำกัดการดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบๆตัวเรา เพื่อให้เรามีเวลาได้ปฏิสัมพันธ์กับผู้คนในท้องถิ่น ธรรมชาติ ศิลปและวัฒนธรรมของชุมชนเพื่อการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างนักท่องเที่ยวและชาวบ้าน เช่น การรับประทานอาหารพื้นเมือง การเดินชมตัวเมือง การใช้ยานพาหนะท้องถิ่น ฯลฯ รวมถึงการท่องเที่ยวแบบย้อนยุค อันจะนำมาซึ่งคุณค่าทางการท่องเที่ยวในที่สุด
3) ประเภทของการท่องเที่ยวแบบ Slow Travel เช่น การเดินเท้าเพื่อการท่องเที่ยว (Walking Tourism) การปั่นจักรยานเพื่อการท่องเที่ยว (Cycling Tourism) การโดยสารรถประจำทางท้องถิ่น (Local Bus and Coach Tourism) การเดินทางด้วยรถไฟเพื่อการท่องเที่ยว (Train Tourism) การเดินทางทางน้ำ (Water-based Travel) การท่องเที่ยวเชิงอาหาร (Food Tourism) เป็นต้น
4) กระแสการท่องเที่ยวแบบ Slow Travel พบว่า ในปัจจุบันกระแสการท่องเที่ยวแบบ Slow Travel นั้นได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากกว่าชาวไทย อันเนื่องมาจากแนวคิดและเป้าหมายของการท่องเที่ยวของชาวต่างชาติที่แตกต่างจากคนไทย ที่นิยมท่องเที่ยวตามกระแสหรือแฟชั่นมากกว่าจะดื่มด่ำกับบรรยากาศแวดล้อมรอบตัว
5) แนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวแบบ Slow Travel ในอนาคตประกอบด้วยหลักการสำคัญๆ ที่ควรพิจารณาได้แก่ Slow cost, Slow activity, slow behavior, slow logistic, slow food, slow stay, slow place/city, slow market, slow money, slow development, slow accommodation, slow life และ slow energy
จะเห็นได้ว่า แท้จริงแล้วจังหวัดอุบลราชธานีมีกิจกรรมการท่องเที่ยวแบบ Slow Travel มาอย่างยาวนาน เนื่องจากเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์สำคัญ วัฒนธรรมเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น มีศิลปกรรมที่โดดเด่นและเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยว ตลอดจนวัฒนธรรมอาหาร ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ส่งผลให้จังหวัดอุบลราชธานีมีโอกาสในการพัฒนาการท่องเที่ยวที่ส่งเสริมเรื่องของคุณค่าของการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม การที่จะพัฒนาการท่องเที่ยวแบบ Slow Travel อย่างจริงจังนั้น สิ่งแรกที่ควรตระหนักถึงก็คือ ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการท่องเที่ยวแบบ Slow Travel ของผู้เกี่ยวข้องและคนในท้องถิ่น เนื่องจากเป็นจุดเริ่มต้นที่จะนำมาซึ่งความสำเร็จหรือความล้มเหลวทางการท่องเที่ยวได้
ขอขอบคุณข้อมูลเชิงวิชาการจาก ผศ.ดร.บุณยสฤฎ์ อเนกสุข รองคณบดีฝ่ายบริหาร คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร

บรรยากาศเย็นๆ แบบ Slow place ณ หนองอีเจม ม.อุบล

อีกมุมหนึ่งที่ให้บรรยากาศ Slow place ของหนองอีเจม