การประเมินการบรรลุ CLOs และ PLOs (Assessment of PLO & CLO Achievement)

กัญญ์ณัชพร ศรีสร้อย นักวิชาการศึกษา

การศึกษามุ่งเน้นผลลัพธ์ (Outcome-based education: OBE) คือ แนวคิดทางการศึกษาที่เน้นการจัดการทุกองค์ประกอบในระบบการศึกษาให้เข้ากันกับผลลัพธ์ที่จำเป็นสำหรับผู้เรียนทุกคนและสามารถทำได้เมื่อสิ้นสุดการเรียนรู้ แนวคิดสำคัญของ OBE คือ เน้นผลลัพธ์การเรียนรู้ (Learning Outcomes) ของผู้เรียน, ผลลัพธ์การเรียนรู้ระดับหลักสูตร ต้องได้รับสร้างขึ้นเป็นสิ่งแรกในกระบวนการออกแบบหลักสูตร, ออกแบบหลักสูตรย้อนกลับ (Backward curriculum design), จัดการเรียนรู้ไปข้างหน้า (Forward deliver), ผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง สร้างโอกาสการเรียนรู้เพื่อช่วยให้ผู้เรียนที่หลากหลายบรรลุผลลัพธ์การเรียนที่คาดหวังเดียวกัน
ผลลัพธ์การเรียนรู้ระดับหลักสูตร (Program Learning Outcomes: PLOs) คือ ข้อความที่บ่งชี้สิ่งที่ผู้เรียนสามารถทำได้ เมื่อจบการศึกษาจากหลักสูตร และผลลัพธ์การเรียนรู้ระดับรายวิชา (Course Learning Outcomes: CLOs) คือ ข้อความที่บ่งชี้สิ่งที่ผู้เรียนสามารถทำได้ เมื่อเรียนผ่านในรายวิชา
การเชื่อมโยงระหว่าง PLOs และ CLOs จะใช้หลักการของ Constructive Alignment ซึ่งผลลัพธ์การเรียนรู้ วิธีการจัดการเรียนรู้ วิธีการประเมิน ต้องสอดคล้องกัน ดังนั้น PLOs และ CLOs ต้องสอดคล้องระดับหลักสูตรและระดับรายวิชา
แนวคิดในการประเมินการบรรลุ PLOs และ CLOs ผลการประเมินต้องแสดงให้เห็นการบรรลุ LO แต่ละข้อว่าผู้เรียนบรรลุหรือไม่, ผู้เรียนและผู้สอนสามารถใช้ผลการประเมินเพื่อการพัฒนาการบรรลุ LO แต่ละข้อได้, ผลการประเมินให้ข้อมูลทั้งเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ, ควรมีทั้งการประเมินแบบปรนัยและแบบอัตนัย Objective assessment และ Subjective assessment และควรมีทั้งการประเมินแบบตรงและแบบอ้อม Direct assessment และ Indirect assessment

เกณฑ์ AUN -QA ที่เกี่ยวข้องกับกำรประเมินกำรบรรลุ PLO และ CLO

1.5 The programme to show that the expected learning outcomes are achieved by the students by the time they graduate.

4.5 The assessment methods are shown to measure the achievement of the expected learning outcomes of the programme and its courses.

8.4 Data are provided to show directly the achievement of the programme outcomes, which are established and monitored.

ขั้นตอนการจัดทำฎีกาเงินยืมทดรองราชการประเภท ข

การยืมเงินทดรองราชการ เพื่อใช้ในการดำเนินงานกิจกรรมต่างๆ เช่น โครงการ กิจกรรมจัดอบรม การขออนุมัติเดินทางไปราชการ การซื้อจ้าง เป็นต้น การยืมเงินฯจักต้องดำเนินการตามแนวปฏิบัติหรือระเบียบทางราชการที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น งานการเงินจึงจัดทำข้อมูลรายละเอียดการยืมเงินฯ ดังต่อไปนี้

เอกสารประกอบการยืมเงินทดรองราชการ

  1. บันทึกข้อความขออนุมัติยืมเงินทดรองราชการ
  2. สัญญายืม 1 ชุด
  3. สำเนาโครงการหรือเอกสารต้นที่เรื่อง

การส่งเอกสาร : ผู้ยืมส่งเอกสารก่อนดำเนินโครงการหรือกิจกรรม ก่อนล่วงหน้า 15 วัน

การจ่ายเงินยืม : ผู้ยืมจะได้รับเงินยืมฯ ก่อนวันดำเนินกิจกรรม 7 วัน

การส่งใช้ใบสำคัญจ่าย

  1. ค่าใช้จ่ายโครงการหรือกิจกรรมต่างๆ ให้ผู้ยืมส่งใช้ใบสำคัญจ่าย ภายใน 30 วัน นับจากวันที่สิ้นสุดโครงการหรือกิจกรรม
  2. ค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการหรือค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการเพื่อเข้าร่วมประชุม ฝึกอบรม ศึกษาดูงาน ให้ผู้ยืมส่งใช้ใบสำคัญจ่าย ภายใน 15 วัน นับจากวันที่สิ้นสุดการเดินทางไปราชการ
  3. ค่าใช้จ่ายในการซื้อจ้างพัสดุ ให้ผู้ยืมส่งใช้ใบสำคัญจ่าย ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ได้รับเงินยืมทดรองราชการ
  4. ค่าใช้จ่ายในการวิจัย บริการทางวิชาการและทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม ให้ผู้ยืมส่งใช้ใบสำคัญจ่าย ภายใน 30 วัน นับจากวันที่สิ้นสุดโครงการหรือกิจกรรม หรือสิ้นสุดงวดเงินยืม ภายใน 60 วัน

ข้อมูลอ้างอิง : ระเบียบมหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ว่าด้วยเงินทดรองราชการจากเงินรายได้ พ.ศ.2562

ขั้นตอนการจัดทำฎีกาเงินยืมทดรองราชการประเภท ข

แผนผังกระบวนการทำงาน – ยืมเงินทดรองราชการ

รู้จัก Gemini โมเดลภาษา AI ล้ำสมัยจาก Google

Gemini คืออะไร?

Gemini คือโมเดลภาษา AI จาก Google (เดิมชื่อ Google Bard) สามารถเข้าใจและสร้างภาษาได้อย่างเป็นธรรมชาติ Gemini ช่วยให้คุณทำงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การแปลภาษา การเขียนข้อความ การตอบคำถาม และอื่น ๆ อีกมากมาย

Gemini ทำอะไรได้บ้าง?

Gemini มีฟีเจอร์มากมายที่จะช่วยให้คุณทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตัวอย่างฟีเจอร์ที่เป็นประโยชน์ ได้แก่

  • การแปลภาษา: Gemini สามารถแปลภาษาได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ รองรับภาษาต่าง ๆ มากกว่า 100 ภาษา
  • การเขียนข้อความ: Gemini ช่วยให้คุณเขียนข้อความได้หลากหลายรูปแบบ เช่น อีเมล จดหมาย บทความ รายงาน และอื่น ๆ
  • การตอบคำถาม: Gemini สามารถตอบคำถามของคุณได้อย่างครอบคลุม โดยไม่คำนึงถึงความซับซ้อนของคำถาม

Gemini ช่วยองค์กรของคุณได้อย่างไร?

Gemini ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ประหยัดเวลา และลดต้นทุน ช่วยให้บุคลากรสามารถออกแบบทางความคิดผ่านโมเดลภาษา ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ตัวอย่างการใช้งาน Gemini ในองค์กร

  • ทีมขายใช้ Gemini เพื่อแปลเอกสารการขายและติดต่อสื่อสารกับลูกค้าต่างประเทศ
  • ทีมบริการลูกค้าใช้ Gemini เพื่อตอบคำถามของลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
  • ทีมการตลาดใช้ Gemini เพื่อเขียนเนื้อหาเว็บไซต์และโซเชียลมีเดียที่ดึงดูดใจ

จะเริ่มต้นใช้งาน Gemini ได้อย่างไร?

การเริ่มต้นใช้งาน Gemini นั้นง่ายมาก เพียงลงชื่อเข้าใช้งานด้วยบัญชี Google ของคุณ เท่านี้ก็สามารถใช้งาน Gemini ได้แล้ว

วิธีลงชื่อเข้าใช้งาน Gemini:

  1. ไปที่ https://gemini.google.com/
  2. คลิกที่ปุ่ม “ลงชื่อเข้าใช้งาน”
  3. เลือก “ลงชื่อเข้าใช้งานด้วย Google”
  4. ลงชื่อเข้าใช้งานด้วยบัญชี Google ของคุณ

หากไม่มีบัญชี Google:

  1. ไปที่ https://www.google.com/account/about/
  2. คลิกที่ปุ่ม “สร้างบัญชี”
  3. ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอ

เมื่อลงชื่อเข้าใช้งาน Gemini เรียบร้อยแล้ว คุณจะสามารถ:

  • เข้าถึงคุณสมบัติทั้งหมดของ Gemini
  • บันทึกความคืบหน้าของคุณ
  • ปรับแต่งประสบการณ์ของคุณ

Gemini ยังอยู่ระหว่างการพัฒนา Google กำลังดำเนินการเพื่อเพิ่มวิธีการลงชื่อเข้าใช้งานเพิ่มเติมในอนาคต

แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม